ต้นศตวรรษที่ 19 สมัยวิคตอเรียน ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีการแสดงประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมของสมัยนั้น คือการนำมนุษย์ที่มีความผิดปกติทางร่างกายมาออกแสดงต่อสาธารณชนหรือเรียกว่าฟรีกโชว์ (Freak Show) มีคณะแสดงฟรีกโชว์คณะหนึ่งเจ้าของชื่อมิสเตอร์ไบทส์ ได้จัดการแสดงที่ภาคตะวันออกของลอนดอน จอห์น เมอร์ริค คือหนึ่งในมนุษย์ประหลาดที่ถูกนายไบทส์นำมาออกแสดง ผู้เข้ามาชมการแสดงคนหนึ่งชื่อนายแพทย์ เฟรเดอริค เทรเวส เขาเป็นศัลยแพทย์ที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งลอนดอน เทรเวสได้พบเมอร์ริคในงานนี้ เขาเกิดความสนใจในตัวเมอร์ริคผู้มีความผิดปกติทางร่างกายโดยมีศรีษะโตกว่าคนปกติเป็นโหนกขนาดใหญ่ทางด้านหลังและมีปุ่มโปนเป็นเนื้องอกออกมาทั่วลำตัว นายแพทย์เทรเวสให้เงินแก่มิสเตอร์ไบทส์เพื่อขอตัวเมอร์ริทไปตรวจที่โรงพยาบาล

นายแพทย์เทรเวสพบว่าศรีษะที่มีขนาดใหญ่ของเมอร์ริคทำให้เขาไม่สามารถนอนหงายเหมือนคนปกติได้ เพราะศรีษะขนาดใหญ่ของเขาจะไปปิดกั้นทางเดินหายใจเวลาหลับเขาต้องนั่งเอาเข่าชันศรีษะไว้ตลอดเวลา เมื่อนายแพทย์เทรเวสส่งตัวเมอร์ริทคืนให้มิสเตอร์ไบทส์ เมอร์ริคถูกไบทส์ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง จนนายแพทย์เทรเวสต้องนำตัวเมอร์ริทกลับไปรักษาที่โรงพยาบาล นายแพทย์เทรเวสต้องการแสดงให้คุณกอมม์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเห็นว่าจอห์น เมอร์ริทมีพัฒนาการ เพื่อคุณกอมม์จะยอมให้จอห์น เมอร์ริท อยู่ที่โรงพยาบาลต่อได้ เทรเวสสอนให้เมอร์ริทอ่านบทประพันธ์ เมอร์ริทสามารถอ่านบทประพันธ์ได้ยาวกว่าที่นายแพทย์เทรเวสสอนเขาเพราะเคยอ่านมาก่อน นอกจากนั้นเมอร์ริทยังเริ่มทำโมเดลของโบสถ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล

มิสเตอร์ไบทส์แอบเข้ามาลักพาตัวเมอร์ริทออกไปจากโรงพยาบาล คราวนี้เขาพา เมอร์ริทออกจากอังกฤษไปเปิดแสดงถึงประเทศในยุโรป ขณะที่แสดงที่ประเทศเบลเยี่ยมสุขภาพเมอร์ริททรุดโทรมลงมากเขามีอาการแย่ลงเรื่อยๆ นายไบทส์โมโหเมอร์ริทและจับเขาไปขังในกรง เพื่อนของเมอร์ริคซึ่งเป็นมนุษย์ผิดปกติเหมือนกันช่วยเขาออกมา เมอร์ริทพยายามเดินทางกลับมาที่ลอนดอนโดยมีเสื้อคลุมปกปิดร่างกาย ขณะที่เดินทางมาถึงสถานีรถไฟมีเด็กกลุ่มหนึ่งเห็นหน้าตาของเขาและคุกคามเขาต้อนเขาไปจนมุม จอห์น เมอร์ริท ร้องขึ้นว่า “ผมไม่ใช่มนุษย์ช้าง ผมไม่ใช่สัตว์ ผมเป็นคน” ภายหลังมีตำรวจมาช่วยเขาและพาเขากลับไปโรงพยาบาล
นายแพทย์เทรวิสตรวจร่างกายเมอร์ริทและพบว่าเขากำลังจะตายจากสภาพความทรุดโทรมของร่างกายและปอดติดเชื้อ วันหนึ่งนายแพทย์เทรเวสพาเมอร์ริทไปชมการแสดงของแมดจ์ แคนดอล นักแสดงละครเวทีชื่อดังเธอเคยมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล เมื่อจบการแสดง แคนดอลกล่าวแนะนำจอห์น เมอร์ริทต่อผู้ชมในฮอลล์ ทุกคนลุกขึ้นปรบมือให้เกียรติแก่เขา เมื่อกลับมาถึงโรงพยาบาลเมอร์ริทขอบคุณนายแพทย์เทรวิสในทุกสิ่ง คืนนั้นเขาต่อโมเดลที่ค้างไว้จนเสร็จแล้วล้มตัวลงนอนและสิ้นลมหายใจ

เรื่องราวของจอห์น เมอร์ริทถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องเดอะเอเลเฟนท์แมน (The Elephant Man) ในปี 1980 กำกับการแสดงโดยเดวิด ลินซ์ นำแสดงโดยแอนโทนี ฮอปกิ้นส์ แสดงเป็นนายแพทย์เฟรดเดอริค เทรเวส จอห์น เฮิร์ส แสดงเป็นจอห์น เมอร์ริท เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเป็นขาวดำและได้รับคำชมอย่างสูงโดยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 8 รางวัล
จอห์น เมอร์ริทเป็นคนที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์สมัยควีนวิคตอเรียของอังกฤษ ชื่อจริงของเขาคือโจเซฟ เมอร์ริค ภายหลังอีกกว่า 100 ปี มีการนำศพของเขามาพิสูจน์ทางการแพทย์สมัยใหม่อีกครั้งและพบว่าความจริงเขาเป็น Proteus Syndrome ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่ง
เครดิตภาพ 1stDIBS , Dangerous Minds
#จอห์น เมอร์ริท #The Elephant Man #เรื่องเล่าน่ารู้