มันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับตัวเองว่าเราเริ่มมีอาการซึมเศร้า บางครั้งสัญญาณต่างๆเริ่มฟ้อง หากแต่ความกลัวทำให้ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเลือกที่จะเมินเฉยอาการเหล่านี้และพยายามใช้ชีวิตต่อไปให้แบบเพียงขอให้ผ่านไปให้ได้ในแต่ละวัน แต่บางครั้งการทำความเข้าใจด้านเปราะบางของมนุษย์ การยอมรับตนเองและเริ่มมองหาความช่วยเหลือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มนุษย์เราย่อมมีบางวันที่ไม่สวยงามเป็นธรรมดาของชีวิต ลองสำรวจตัวเองหรือคนใกล้ชิดเบื้องต้นว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
1.ไม่ตอบไลน์ ไม่อ่านข้อความหรือไม่เปิดอ่านอีเมลล์ หากเริ่มมีอาการไม่อยากรับรู้เรื่องราวภายนอกใดๆทั้งสิ้น ไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับใคร หรือไม่ต้องการรับสื่อใดๆ ในขณะนี้ แสดงว่าจิตใจหนักอึ้งจนไม่สามารถรับอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว
2.ปล่อยให้ห้องรกไม่จัดเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ห้องนอนสะท้อนภาวะภายในจิตใจได้เป็นอย่างดี หากวันไหนเริ่มไม่สนใจดูแลความสะอาดส่วนตัวหรือที่พักอาศัย หรือหมกตัวอยู่ในห้องรกไม่ลุกขึ้นมาจัดห้องให้เรียบร้อย เสื้อผ้าไปทาง กระเป๋าไปทาง สิ่งเหล่านี้สะท้อนสภาพยุ่งเหยิงภายในจิตใจ ต้องหมั่นคอยสังเกตตัวเองแล้ว
3.เริ่มมองโลกในแง่ร้ายและมีความคิดลบวนอยู่ในหัว หลายๆครั้งที่เจอเรื่องราวแย่ๆหรือมีประสบการณ์เลวร้ายทำให้ไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้อีก ภาพในวันเก่าๆหรือสิ่งที่เคยเจอทำให้กังวลใจว่าเรื่องราวเหล่านี้จะย้อนกลับมาอีกครั้งไม่หรือความคิดด้านลบวกวนอยู่ในใจจนไม่สามารถสลัดความคิดแย่ๆออกจากใจได้ ต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองแบ้ว
4.หงุดหงิดง่ายและรู้สึกไม่มีความหวัง ไม่ว่าจะเป็นเสียงเด็กร้อง เสียงแมว หรือบังเอิญมีใครเดินมาชนบนทางเท้าโดยไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้รู้สึกหงิดหงิดใจได้มากๆ รู้สึกรำคาญทุกสิ่งรอบกาย หรือหากกำลังอยู่ในช่วงตกงานแต่กลับไม่อยากลุกขึ้นมาหางานใหม่หรือมองหาโอกาสใหม่ๆเพราะรู้สึกไม่มีความหวังเลย ต้องเช็คตัวเองหน่อยแล้ว
5.โลกภายในหม่นหมอง เริ่มมองไม่เห็นท้องฟ้าสีฟ้าหรือความสวยงานของสายรุ้งหลังฝนอีกต่อไป บ่อยครั้งเริ่มรู้สึกว่าท้องฟ้าช่างมืดครึ้มมัวๆ บางครั้งอาจเกิดจากการขังตัวอยู่แต่ในห้องทำให้ร่างกายไม่ได้สัมผัสธรรมชาติโลกภายนอกเลย ลองพาตัวเองออกไปเดินเล่นรับแดดหรือพาร่างกายออกไปรับลมสัมผัสตัวบ้าง
6.ไม่มีความฝันอีกต่อไป หากก่อนหน้านี้อาจมีความฝันมากมาย อยากแต่งงานก่อนอายุ 30 เคยอยากเก็บเงินไปเรียนต่อต่างประเทศ อยากสร้างบ้าน อยากมีรถของตัวเอง แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกอย่างนั้นอีกแล้ว
7.ปวดเมื่อยตามร่างกายหรือมีอาการปวดหัวบ่อยครั้ง หลายครั้งความรู้สึกที่เก็บกดไว้แสดงออกทางร่ายกายอย่างเห็นได้ชัด อาการเครียดจนปวดหัวเริ่มถามหาหรือรู้สึกหน่วงๆจนหนักอึ้งไปทั้งร่ายกาย
8.งานอดิเรกที่เคยชอบไม่ทำให้มีความสุขอีกต่อไป จากที่เคยชอบร้องคาราโอเกะ ชอบไปดูคอนเสิร์ตหรือทำอาหารกินเองในยามว่าง ตอนนี้แทบไม่อยากลุกขึ้นมาทำอะไรเลย
9. มีอาการประหม่าหรือรู้สึกซึมๆเวลาอยู่กับผู้คน เริ่มไม่ชอบคนเยอะๆและอยากแยกออกมาอยู่คนเดียว มีอาการเริ่มไม่อยากแสดงความคิดเห็นเพราะกลัวโดนตัดสิน ความรู้สึกเฮไหนเฮนั่นถึงไหนถึงกันไม่มีอีกแล้ว ไม่ชอบไปในที่คนเยอะๆหรือเสียงเอะอะโวยวาย รู้สึกอ่อนไหวง่ายขึ้นกับคำพูดคน
10. เหนื่อยล้าไม่มีแรงและอยากล้มตัวนอนทั้งวัน เริ่มรู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจแรง ลมหายใจสั้นและถี่ขึ้น ไม่อยากลุกขึ้นมาทำอะไรเลย อยากนอนจนกว่าความรู้สึกเหล่านี้จะผ่านพ้นไป
หากพบว่ามีอาการเหล่านี้การขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อปรึกษาหารือและรับคำแนะนำการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมกับอาการถือเป็นทางเลือกที่ดี สุดท้ายเราหากเราพยายามช่วยเหลือตัวเองทีละเล็กทีละน้อยและปฏิบัติตนตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญย่อมเห็นแสงสว่างที่ปลายทางอย่างแน่นอน
#สัญญาณบ่งบอกอาการซึมเศร้า #โรคซึมเศร้า #สุขภาพจิต