ในบรรดาผีทั้งหลายที่รู้จัก นับว่าผีแขกนั้นดูว่าจะน่ากลัวที่สุด อย่าว่าแต่ตอนเป็นผีเลยขนาดเป็นคนที่ยังไม่ตายยังน่ากลัวไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะพวกแขกทางประเทศตะวันออกกลาง หรือแม้แต่แขกในบ้านเราก็ตาม
สมัยหลังสงครามมหาเอเชียบุรพา บ้านเรายังไม่มีความเจริญเท่าทุกวันนี้ บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ยังไม่มีกล้องวงจรปิด จำเป็นต้องใช้แขกยามเฝ้าหน้าบริษัท เพื่อให้มีหน้าที่ตีระฆังหรือตีเกราะเพื่อการบอกเวลา และระวังเหตุการณ์ร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในยามวิกาล

แขกยามที่มารับจ้างเฝ้ายามเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแขกที่อพยพมาจากอินเดีย หรือปากีสถานเสียเป็นส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่เป็นแขกที่เกิดในเมืองไทย จึงอาจสื่อภาษากันไม่ได้ง่ายนักในระยะแรก แต่แขกพวกนี้จะมีความสามารถที่พิเศษด้านการอดนอน และทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะพูดจาภาษาไทยไม่ค่อยได้ก็ตาม แต่ไม่นานนักแขกยามเหล่านี้ก็สามารถเรียนรู้และพูดไทยได้ แม้ไม่ค่อยชัดนักก็ตาม แต่คุณสมบัติอีกประการที่ดูว่าจะเด่นชัดนั่นก็คือความมัธยัสถ์ของเขาที่ไม่ค่อยจะใช้เงินเลยวัน ๆ และยังสามารถออกเงินกู้ให้คนไทยได้เสียอีกเป็นงั้นไป
แขกยามหน้าบริษัทฝรั่งแถวสี่พระยา เป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในแขกยามที่ว่านี้ กลางวันเป็นนายห้างออกเงินให้กู้ กลางคืนเป็นแขกยามเฝ้าหน้าบริษัท ซึ่งก็ไม่เห็นว่าเขาจะเดือดร้อนอะไร แถมมีเงินส่งลูกชาย ลูกสาวเรียนโรงเรียนฝรั่งอีกด้วยซ้ำ คนไทยน่าจะดูเป็นเยี่ยงอย่าง แขกยามเช้าบ้านอยู่กับครอบครัวแถว ๆ ถนนสุรวงศ์ เป็นบ้านสองชั้น เขกเช่าอยู่เฉพาะชั้นบน ส่วนชั้นล่างมีครอบครัวของพนักงานธนาคารหนุ่มเช่าอยู่ แต่ทั้งสองครอบครัวไม่ถูกกันอย่างแรง ด้วยสาเหตุที่ลูก ๆ ของแขกยามเล่นเสียงดังอยู่ข้างบนห้องข้างล่างก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอน บางครั้งถึงกับต้องลงมือลงไม้กัน ด้วยความเจ็บแค้น พนักงานธนาคารทนไม่ไหวคิดกำจัดครอบครัวแขกยามให้ออกไปจากบ้านเช่า จนสำเร็จครอบครัวแขกยามตายสนิทอย่างไรร่องรอยของฆาตกร

เวลาผ่านไป 3-4 เดือน ในคืนหนึ่งเกิดเสียงเหมือนมีคนเล่นกันอย่างสนุกสนานที่ชั้นบนของบ้านเช่า พนักงานธนาคารคิดว่าเจ้าของบ้านคงได้ผู้เช่ารายใหม่ แต่เหตุการณ์กลับมาซ้ำรอยเดิม เสียงดังน่ารำคาญมาก จึงเดินย่องขึ้นไปดูกะว่าจะต้องสั่งสอนให้รู้สึกเสียบ้าง บ้านชั้นบนมืดมิดไม่มีแสงไฟสักดวง พนักงานธนาคารแปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่เสียงดังอย่างนี้ถ้าปล่อยไว้คงไม่ได้การ เดินหาที่มาของเสียงอยู่สักครู่ ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของแขกยามเขาจำได้อย่างแม่นยำ หันหลังกลับมาแต่ช้าไปเสียแล้ว เพราะมือที่ใหญ่โต และกำยำคว้าไปที่ลำคอของพนักงานธนาคารและบีบอย่างแรง พร้อมกับเสียงพึมพำพอฟังเป็นภาษาไทยได้ว่ามึงฆ่าครอบครัวกู ตายเสียเถอะ พนักงานธนาคารดิ้นสุดฤทธิ์และไม่อาจจะหลุดออกมาได้ และสิ้นใจตายในไม่ช้า
รุ่งเช้ามีไทยมุงและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสถานที่ลงความเห็นว่าพนักงานธนาคารพลัดตำบันไดคอหักตาย แต่ที่ชาวบ้านสงสัยได้แก่ แล้วพนักงานธนาคารขึ้นไปทำอะไรที่ชั้นบน ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนก็ไม่ถูกกับแขกยามที่เป็นเพื่อนบ้านกันสักเท่าไหร่ คำถามนี้ยังเป็นที่กังขามาจนทุกวันนี้…
ขอขอบคุณภาพจาก oldermanlover และ aronaugustin