การจะเดินทางตามฝันนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ในยุคก่อน ๆ ไม่เคยสอนเราไม่เคยให้เราหาตัวตนของเราให้เจอ มีเพียงแต่การใส่ข้อมูลว่าเราจะต้องเรียนหนัก ๆ จบสูง ๆ (สักชั้น10)
เพื่อที่อนาคตจะสบาย เอาจริง ๆ คำสอนนี้มันไม่ผิดหรอกครับ แต่ถ้าเด็กมีความฝันที่แตกต่างออกไปละ การไม่ฟังคำสอนเหล่านี้จะยังถือทำถูกหรือไม่

เราต้องทำความเข้าใจก่อนเลยว่าในยุคก่อน ๆ ไม่ได้เปิดกว้างในความคิดอิสระขนาดยุคนี้ ซึ่งการที่เด็กบางคนไม่ได้ชื่นชอบในการเรียนแต่ชอบการเล่นกีฬามากกว่า
และการที่เขาจะเลือกการเล่นกีฬานั้นผู้ใหญ่กับจะมองว่าเด็กคนนี้นอกลู่-นอกทาง นี้คือสิ่งที่ผู้ใหญ่มองเด็กที่มีความคิดอย่างนี้ซึ่งมันถูกจริง ๆ หรือไม่ ?
ผมไม่ได้สนับสนุนให้เด็กเลิกเรียนนะครับ แต่บทความนี้จะพูดถึงเด็กทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง เขามีความต้องการของตัว
มีความฝันของตัวเอง มีทางที่ตัวอยากเดิน แต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่าเพราะการที่ผู้ใหญ่บางคนไม่รับฟังเด็กและคิดว่าเป็นเด็กต้องฟังเรื่องที่บอกยิ่งถ้าเกิดเป็นเคสหนัก ๆ นี้คือวางรากฐานทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว
ทั้งการจัดสรรเวลาเรียนให้เด็ก คอยดูว่าเด็กต้องการเพิ่มเติมในส่วนไหน แต่ไม่ได้ทำความสมัครใจของเด็กว่าต้องการอะไร
คุณผู้ใหญ่ทุกท่านเด็ก ๆ เขาเข้าใจว่าสิ่งที่พวกท่านกำลังจะพยายามยัดเข้าไปให้เด็กคือทางที่ดีที่สุดว่าผู้ที่มีอายุเยอะแล้วคือทางสบายที่สุดและก็เป็นความเชื่อส่งต่อ ๆ กันมาว่า เรียนสูง ๆ เรียนหนัก ๆ รับงานราชกาล หมอ แล้วจะสบายเอง แล้วในโลกเราไม่มีอาชีพอื่นแล้วหรอ ?

จริง ๆ คำสอนเรื่องนี้มันไม่ใช่สิ่งผิดที่หรอกครับ มันสามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย แต่ ! ท่านควรถามความสมัครใจว่า “เด็กคนนี้โตขี้นอยากเป็นอะไร” มากกว่าที่ท่านจะเริ่มปูทางให้เขา กำหนดทางเดินให้เขาทั้ง ๆ
ตัวเขาไม่อยาก เพราะท่านคงไม่อยากเห็นเด็ก ๆ ที่ท่านรักต้องทรมาณกับงานที่เขาไม่ได้อยากทำใช่ไหมครับ ?
เครดิตภาพ : google
#ข่าวรายวัน #อัพเดทข่าวสด #เรื่องเล่า #ข่าวซุบซิบ #เรียนเยอะๆจบสูงๆ