หลายครั้งที่เรามองคนที่ขยันว่ารู้สึกว่า “เห้ย ขยันขนาดนี้งานต้องประสบความสำเร็จ ที่ดีแน่เลย” แต่เพื่อน ๆ เคยคิดบ้างไหมครับ ?

ว่าบางอย่างความสำเร็จง่าย ๆ มักเกิดจากความ “ขี้เกียจ” ของคนใดคนหนึ่งเท่านั้นเอง เหมือนอย่างที่ บิลเกต ได้บอกไว้ว่า ถ้าอยากให้งานออกมาดี และเร็วให้จ้างคนขี้เกียจ เพราะคนขี้เกียจ จะหาทางทำให้งานที่ตัวเองได้มาเสร็จเร็วที่สุดโดยที่ตัวเองเหนื่อยน้อยที่สุดเช่นเดียวกัน เดี๋ยวเราลองไปดูเรื่องเล่าจากความ “ขี้เกียจ” ที่ทำให้หลายต่อหลายคนต้องอึ้งในความคิดกันดีกว่า

KFC กับ โช้ค KFC แห่งหนึ่งมียอดขายที่ดีมากมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการทุกวัน โดยพนักงานของที่นั้นจะถูกสอนว่าการเปิดห้องเย็นเพื่อเอาไก่มาลงทอดต้องปิดประตูห้องเย็นเสมอๆ เพื่อรักษาอุณภูมิสินค้า แต่ด้วยจำนวนคนที่เข้ามาใช้บริการบวกกับเวลาที่น้อยมากจึงทำให้พนักงานปิดประตูไม่สนิทเพราะต้องรีบ ทำให้อุณภูมิเสีย และไก่ก็เสียเร็ว
โดยได้มีการแก้ปัญหาด้วยการติดป้ายแต่นั้นก็เป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จึงทำให้ไม่สำเร็จ จึงมีการจ้างพนักงานอีกหนึ่งคนเพื่อมาแก้ไขปัญหานี้แต่เนื่องจากจำนวนที่มาใช้บริการเยอะเกินไปจึงทำให้ถูกเรียกตัวเพื่อไปช่วยงานหน้าร้าน จึงทำให้ไม่ได้เฝ้าประตูอีกเช่นกัน โดยวันนั้นผู้จัดการภาคได้มาเยี่ยมสาขา ทางผู้จัดการร้านจึงแจ้งปัญหานี้ครู่หนึ่ง และก็มีเสียงตะโกนออกมาจากหน้าร้าน “ถ้าขี้เกียจปิด ก็ให้มันปิดเองสิ หาโช้คมาติดสะสิ”
คุณตัน กับ สติ๊กเกอร์ เมื่อช่วงที่คุณตันได้ทำการตลาดด้วยการแจกเงินล้านผ่านการลุ้นใต้ฝาา ทำให้ยอดขายกระโดดขึ้นมากว่า 1000 เท่า ปัญหาก็เลยเกิดเพราะชาที่ทำโปรโมชั่นต้องติดสติ๊กเก้อ ว่าขวดนี้ทำโปรโมชั่น ดังนั้น พนักงานก็ต้องช่วยกันติดสติ๊กเก้อที่ขวด โดยพนักงานต้องติดสติ๊กเกอร์วันละหลายหมื่นขวด จนวันหนึ่งคุณตันมาเยี่ยมที่โรงงาน ได้มีพนักงานมาบอกกับกับคุณตันว่า “ทำไมไม่พิมพ์ลงในฉลากเลยจะได้ไม่ต้องมาติด เพราะขี้เกียจติดสติ๊กเกอร์” และนั้นจึงทำให้วิธีการตัดสติ๊กเกอร์ นั้นหายไป และลดต้นทุนลงอย่างมหาศาล
“จากหนังสือ” ชีวิตไม่ตัน”
กับอีกเรื่องในช่วงที่สมัยอุตสหกรรมของอเมริการกำลังเติมโตโรงงานยาสีฟันจะมียอดสั่งซื้อจำนวนมาก ปัญหาที่พบคือ การบรรจุยาสีฟัน เนื่องจากเครื่องจักร ไม่ก้าวหน้าพอ การบรรจุจึงไม่สมบูรณ์ ทำให้ภายในยาสีฟันหนึ่งโหลจะต้องมีกล่องปล่าวออกไปหาผู้บริโภค ทำให้เรื่องนี้โดนร้องเรียงมาอย่างหนักถึงขนาดที่ CEO ต้องจ้างบริษัทมาปรึกษาในราคาหลายล้านดอลล่า มาเพื่อแก้ปัญหาโดยเฉพาะ
สิ่งที่บริษัทที่ปรึกษาแนะนำคือ ให้ติดเครื่องชั่งความไวสูงไว้ที่สายพาน โดยหากกล่องเปล่าที่มีน้ำหนักไม่พอไหลมาบนสายพานผ่านเครื่องชั่งจะสั่งให้สายพานหยุดทันที เมื่อเครื่องหยุดแสดงว่ามีกล่องเปล่าที่เครื่องชั่งให้นำออกแล้ว เปิดเครื่องใหม่เช่นนี้ปรากฏว่า CEO พอใจกับการแก้ปัญหามากและไม่มีปัญหาดังกล่าวอีกเลย
ต่อมาเมื่อ CEO มาเยี่ยมบริษัทเขาก็เจอกับเครื่องชั่งตัวเดิม เพิ่มเติมคือคนดูแล และพัดลมหนึ่งตัวก่อนถึงเครื่องชั่ง CEO เลยถามเด็กคนนั้นว่าเอาพัดลมมาตั้งทำไมเด็กตอบว่า “อ้อผมขี้เกียจไปเปิดเครื่องใหม่ เลยเปิดพัดลมพัดกล่องเปล่าก่อนที่มันจะถึงเครื่องชั่งครับ” เขาสามารถแก้ปัญหาที่ CEO ต้องจ้างบริษัทหลายร้านดอลล่ามา แต่ตัวเขากับใช้พัดลมเพียงตัวลละไม่กี่ดอลล่า ในการแก้ปัญหา เพียงเพราะเหตุผลว่า “ขี้เกียจ”
จากหนังสือ “จะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย”
ถึงจะบอกว่า “ขี้เกียจ” แต่ไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนขี้เกียจนะครับ เพียงแต่เรื่องที่นำมาแบ่งปัน ดันเกิดจากความ “ขี้เกียจ” ของใครบางคนจำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ ขึ้น บางทีคน “ขี้เกียจ” อาจจะมีอะไรมากกว่าที่เราคิดก็ได้นะครับ โดยเฉพาะความคิดของเขา
#ข่าวรายวัน #อัพเดทข่าวสด #เรื่องเล่า #ข่าวซุบซิบ