ต้องบอกเลยว่าเป็นกระแสในทวิตเตอร์กันมาพักใหญ่สำหรับพระนักเทศน์ประจำโซเชียลอย่าง “พระมหาไพรวัลย์” ที่ตอนนี้ได้สึกไปเป็นทิดไพรวัลย์ ซึ่งวันนี้เราก็จะมาสรุปเรื่องราวให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตพระคนนี้

เรื่องราวของทิดไพรวัลย์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 หลังจากบวชมาได้ 18 พรรษา ก็ตัดสินใจลาผ้าเหลืองมาเป็นฆราวาส หลังจากสึกก็ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแสว่า “ที่สึกออกมาไม่ได้เตรียมจะเปิดศึกกับใคร ดต่หากมีเรื่องที่พูดแทนพระสงฆ์ได้ก็จะทำโดยพูดตรงๆด้วย เดี๋ยวเจอกันครับ” นอกจากนี้ยังกล่าวว่า “18 ปีที่ผ่านมาไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร เพราะสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมายังคงอยู่ ที่หายไปคือความเป็นพระแค่นั้น เรายังรู้ว่าธรรมมะคืออะไร เราขออยู่ในจุดที่ทำประโยชน์ แต่ถ้าหมดประโยชน์กับสังคมเราจะไปอยู่จุดอื่นเอง และยืนยันว่าจะไม่กลับไปบวชใหม่แน่นอน” หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้รับการติดต่องานอย่างล้นหลาม ในช่วงแรกๆคนก็เห็นด้วยกับการสึกเพื่อออกมาเลี้ยงชีพ จนกระทั่งเกิดดราม่าต่างๆขึ้น เพราะไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของคุณไพรวัลย์ จนหลายคนตั้งคำถามว่า “ตกลงคุณไพรวัลย์สึกมาเพื่ออะไรกันแน่ ตอนแรกบอกว่าจะสึกมาเพื่อฟาดกับวงการพุทธศาสนา แต่กลับไม่พูดถึงเลย” ทำให้หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นจนเกิดเป็น #ไพรวัลย์ ขึ้นเทรนทวิตเตอร์ สำหรับประเด็นนี้ชาวเน็ตก็ได้แบ่งทีมออกเป็น 2 ทีมอย่างชัดเจน คือทีมชาวเน็ตและทีมไพรวัลย์ ทางฝั่งชาวเน็ตหลายคนมองว่าตัวเองกดเข้ามาติดตามคุณไพรวัลย์เพราะอยากติดตามที่คุณไพรวัลย์เคยพูดไว้ว่าจะออกมาแฉวงการสงฆ์ การทวงถามคำพูดที่คุณไพรวัลย์เคยพูดไว้เองก็ไม่ได้ผิดอะไร และไม่แปลกตรงไหนเลยเพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าจะทำ ซึ่งทำให้ชาวเน็ตรู้สึกผิดหวังที่คุณไพรวัลย์กลายเป็นคนละคน รวมถึงพฤติกรรมของคุณไพรวัลย์ไม่ค่อยมีความเหมาะสม ส่วนด้านของทีมคุณไพรวัลย์ก็มองว่านี่มันคือชีวิตของเขา จะชอบใคร แต่งตัวแบบไหน หรือทำตัวยังไง มันก็เป็นเรื่องของเขา เขาเองก็เป็นแค่คนธรรมคนนึง ซึ่งตัวคุณไพรวัลย์เองก็ออกมาพูดถึงวงการสงฆ์อยู่เวลาที่มีข่าวออกมา และยังออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอยู่ มีการแสดงจุดยืนชัดเจน ไม่ได้ไม่รักษาคำพูดเลย แต่เป็นชาวเน็ตเองหรือเปล่าที่คาดหวังกับคุณไพรวัลย์มากเกินไป และนี่ก็เป็นมุมมองจากทั้งสองฝั่งและดราม่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นจาก #ไพรวัลย์
ภาพจาก : Bright Today
ภาพจาก : มติชนออนไลน์
#ทิดไพรวัลย์ #ดราม่าไพรวัลย์ #เรื่องเด่นเทรนด์ทวิต