เชื่อว่าหลายคน คงเจอปัญหาที่ว่า อยากจะทำนั่น ทำนู่น อยากจะทำนี่ แต่พอถึงเวลาทำจริง ๆ ผลที่ออกมากลับไม่เป็นไปตามที่เราคิดหรือวางแผนไว้ สุดท้ายแล้วเราก็จะมาจบกับคำที่ว่า ทำไม่ได้ …
กับภาษาก็เช่นกัน อยากจะเรียนภาษานั้น ภาษานี่ แต่ตัวเราไม่เริ่มเรียนสักที หรือตอนแรกอยากเรียนมากแล้วพอเวลาผ่านไป ก็หมดไฟที่จะเรียนไปแล้ว
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ สักที?
นั่นก็เป็นเพราะว่า เราไม่ได้มีใจรัก ที่จะทำมากพอ มันเลยส่งผลทำให้เรา ผัดวันประกันพรุ่ง จนเราก็ไม่สามารถเริ่มมันได้
วันนี้เราจึงอยากจะมานำเสนอเคล็ดลับ(ฉบับไม่ลับ) ในเวอร์ชั่นของเราเองค่ะ ซึ่งเราได้ลองทำดูแล้ว มันดีมากค่ะเพื่อน ๆ เราจึงอยากจะบอกต่อเพื่อน ๆ ให้ลองทำดูค่ะ

เคล็ดลับข้อแรก : หาภาษาที่ตัวเองชอบที่สุด
เพราะว่า ถ้าเราหาภาษาที่เราชอบมาก ๆ แล้วนั้น จะทำให้เรารู้สึกว่า อยากเรียนมากขึ้น และมีกำลังใจในการเรียนต่อ ถึงแม้ว่าภาษานั้น จะยากขนาดไหนก็ตาม

เคล็ดลับข้อสอง : วางแผนการเรียน
ก่อนอื่นเลย ในข้อนี่อยากให้เพื่อน ๆ ลองตั้งเป้าหมายดูก่อน ก่อนที่จะเรียนภาษาว่าเพื่อน ๆ ต้องการเรียนไปเพื่ออะไร ทำไมถึงอยากเรียน แล้ววางแผนว่าภายในระยะเวลากี่เดือน กี่ปี ที่เราจะอยากได้สกิลตรงไหนจากภาษานั้น ๆ (ฟัง พูด อ่าน เขียน)

เคล็ดลับข้อสาม : ความสามารถในกรพัฒนาภาษาของตัวเอง
หมายความว่า เพื่อน ๆ ลองสำรวจตัวเองดูว่า เป็นคนที่พัฒนาในด้านภาษาได้ดีในระดับไหน พูดง่าย ๆ คือ เราเรียนรู้ได้ไวขนาดไหน เพราะข้อนี้มันจะเชื่อมโยงมาจากข้อสอง ที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งก็จะมาดูกันต่อในข้อนี้ว่า เป้าหมายที่ตั้งนั้น เราสามารถทำได้จริงไหม?
และระยะเวลาที่เราตั้งไว้ สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือเปล่า เราสามารถกำหนดได้เลย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะออกแบบการเรียนของเรายังไง
ยกตัวอย่าง เช่น เราเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการสื่อสารในการทำงาน เราก็จะตั้งเป้าไว้ว่า 6 เดือนแรก เราจะต้องพูดกับฟัง ในระดับปานกลางได้แล้ว แล้วอีก 6 เดือนหลัง เราจะฝึกเขียนกับอ่าน แล้วก็ระบุไว้ว่าเราจะฝึกหรือเรียนวันละกี่ชั่วโมงต่อวัน ในระยะเวลา 6 เดือน สำหรับการฟัง พูด และอีก 6 เดือน สำหรับการอ่านและเขียน

เคล็ดลับข้อสี่ : เริ่มเรียนได้เลยยยยย !!!
สุดท้ายนี้ การที่เรามีเคล็ดลับทั้งหมดแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนภาษา คือ ฝึกใช้บ่อย ๆ พูด ฟัง อ่าน เขียน พยายามทำให้เป็นชีวิตประจำวัน แล้วเพื่อน ๆ จะ ทำสำเร็จ ค่ะ