ซีอุย ตามตำนานแล้วเป็นชายเชื้อสายจีนที่อพยพมาทำงานในประเทศไทย หรือก็คือแรงงานต่างด้าว ซีอุยเดินทางเข้ามาทำงานที่ประเทศไทยเพียงลำพังปราศจากครอบครัวและคนรู้จัก
ด้วยความที่เป็นคนต่างด้าวพูดภาษาไทยได้ไม่แตกฉาน อีกทั้งยังอยู่ในสังคมรอบตัวที่ไม่คุ้นชินจึงทำให้ซีอุยกดดันเกิดความเครียด จนนำพามาสู่โศกนาฏกรรมแสนน่าเศร้า ซึ่งตามเรื่องราวในภาพยนตร์ที่เราเคยดูเล่าว่า
ซีอุย เกิดล้มป่วยขึ้นมาและนึกถึงแม่ที่ต้มยาผสมอวัยวะของมนุษย์ให้กิน ในวัยเด็กเขาหายดีด้วยการกินยานั้นจึงมีความเชื่อที่ว่าการกินคนจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ซีอุยจึงทำการออกล่าและหลอกล่อเด็กมาฆ่ากินเป็นจำนวนมากจนถูกตำรวจไทยจับได้และยิงเป้าประหารชีวิต จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตซีอุย ก็ยังไม่แม้แต่จะปริปากสารภาพว่าตนเป็นคนทำ

ซีอุย เรื่องราวของมนุษย์กินคน2
ความเป็นจริงที่แตกต่างจากตำนานของซีอุย
ซีอุย เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาหลาย 100 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยจางหายไปจากสังคมไทยเลย เพราะมีการบอกเล่ากันปากต่อปาก ถึงเรื่องราวสุดหลอนของมนุษย์กินคน บ้างก็ว่าซีอุย เป็นปีศาจในร่างมนุษย์ เป็นฆาตกรเลือดเย็นที่หลอกล่อแกล้งทำเป็นเล่นกับเด็ก
มีคำด่าทอ และการบูลลี่มากมายในปัจจุบัน ที่เราบางคนยังเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เช่น การนำศพของซีอุย ที่เน่าเปื่อยแล้ว มาตั้งโชว์ไว้ในพิพิธภัณฑ์ เขียนป้ายติดไว้ว่าฆาตกรฆ่าเด็ก มนุษย์กินคน ทั้งที่แท้จริงแล้ว เมื่อลองเปิดย้อนไปดูคดีในตอนนั้น
ไม่มีหลักฐานชัดเจนนอกจากคำบอกเล่าของพยานหนึ่งคนซึ่งเป็นเด็กว่า ซีอุยได้ทำการฆาตกรรม ด้วยแรงโกรธแค้นของชาวบ้านทางตำรวจจึงทำได้เพียงหาแพะรับบาปมาบรรเทาความโกรธ โดยไม่ได้สืบหาเรื่องราวอย่างละเอียดเสียก่อน
ในปัจจุบันเทคโนโลยีการแพทย์เจริญก้าวหน้าไปมาก ได้มีการตรวจสอบศพของซีอุยอย่างละเอียด ซึ่งพบว่าซีอุยเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะไม่มี เนื้อมนุษย์ที่กินเข้าไปตกค้างอยู่ในร่างกายเลย การนำร่างของซีอุยไปโชว์ในพิพิธภัณฑ์แล้วตราหน้าว่าเป็นผู้ผิด จึงเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง อีกทั้งยังทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของซีอุยถูกย่ำยีแม้เจ้าตัวจะตายไปแล้วก็ตาม จึงมีการฟ้องร้องเพื่อขอความเป็นธรรมให้ซีอุยเกิดขึ้น

ซีอุย เรื่องราวของมนุษย์กินคน3
ปัจจุบันศพของซีอุยได้ถูกจัดการตามพิธีทางศาสนาแล้ว เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องราวสยองขวัญที่ให้ข้อคิดอีกแง่กับสังคมไทยว่า เราไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก หรือเพียงคำบอกเล่าปากต่อปากของใคร และยังสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวอีกด้วย เราจึงสรุปได้ว่าซีอุย ไม่ใช่ผู้กระทำผิดหรือมนุษย์กินคนตามตำนาน แต่เป็นเหยื่อของสังคมที่เน่าเฟะต่างหาก และด้านมืดของสังคมนี้เองที่น่ากลัวกว่าตำนานมนุษย์กินคนเสียอีก
เครดิตภาพ 1 จาก www.catdumb.com
เครดิตภาพ 2 จาก www.khaosod.co.th
เครดิตภาพ 3 จาก wwwmgronline.com
#ตำนานซีอุย #มนุษย์กินคน #ข่าวดังในอดีต