โควิด-19 (COVID-19) คือโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก วันนี้มีผู้คนที่ติดเชื้อแล้วทั้งโลกแตะ 100 ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 2.2 ล้านคน ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา 26.2 ล้านคน เสียชีวิต 4.4 แสนคน รองลงมาคืออินเดียติดเชื้อ 10.7 ล้านคน เสียชีวิต 1.54 แสนคน บราซิลติดเชื้อ 9 ล้านคน เสียชีวิต 2.2 แสนคน รัสเซียติดเชื้อ 3.8 ล้านคน เสียชีวิต 7 หมื่นคน สหราชอาณาจักรติดเชื้อ 3.7 ล้านคนเสียชีวิต 1 แสนคน
สำหรับประเทศไทยของเรามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 16,221 คน เสียชีวิต 76 คน

โควิด-19 เป็นไวรัสตัวใหม่ที่เพิ่งค้นพบและเป็นไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมัน ไวรัสโคโรน่าเป็นไวรัสที่มีการค้นพบเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว เป็นไวรัสพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาไวรัสทั้งหมดที่พบทั้งในสัตว์และมนุษย์ ไวรัสโคโรน่ามีจุดเริ่มต้นจากสัตว์ โดยพบเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ปีก ไวรัสโคโรน่าสามารถแตกตัวมันเองออกเป็นหลายพันธุ์ และสามารถแพร่กระจายมาสู่มนุษย์ได้เป็นบางสายพันธุ์ ไวรัสโคโรน่าคือสาเหตุของอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่ไม่รุนแรง เช่นไข้หวัด แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่ทำให้มนุษย์มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้
ไวรัสโคโรน่าซารส์ 2 (SARS-CoV-2) คือไวรัสที่องค์การอนามัยโลกเคยใช้ชื่อว่าไวรัส โคโรน่าสายพันธ์ใหม่ 2019 เป็นไวรัสโคโรน่าที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรงภายหลังองค์การอนามัยโลกตั้งชื่อใหม่ว่าโควิด-19
โควิด-19 (COVID-19) เป็นชื่อทางการที่องค์การอนามัยโลกประกาศออกมา โควิด-19 เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2019 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน และแพร่กระจายไปทั่วโลก คาดว่าต้นทางของมันมาจากสัตว์และติดมาสู่คนในเวลาต่อมา
ชายคนแรกที่ติดเชื้อโควิด-19 คือคนงานที่ทำงานอยู่ในตลาดขายสัตว์ในเมืองอู่ฮั่น การติดเชื้อจากคนสู่คนเกิดจากการสัมผัสหรือละอองเสมหะจากการไอหรือจามหรือการสนทนา โดยติดเชื้อเฉพาะจากระยะใก้ลเนื่องจากละอองเสมหะมักจะตกสู่พื้นทันที และอาจจะติดเชื้อจากการสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อติดอยู่แล้วและเอามือมาแตะที่ตาจมูกหรือปากของตัวเอง

ไวรัสโควิด-19 สามารถมีอายุอยู่บนพื้นได้นาน 72 ชั่วโมง คำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการป้องกันคือ การล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างทางกายระหว่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ขณะไอหรือจามให้ใช้กระดาษชำระหรือข้อพับศอกปิดจมูกและปาก อย่านำมือที่ยังไม่ได้ล้างมาแตะใบหน้าและใช้หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการอยู่ในหมู่คน อาการของโรคคือ ไอ มีไข้ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อและข้อ หายใจลำบาก เสียความสามารถในการรับกลิ่นและรส ซึ่งอาการเหล่านี้จะแสดงออกมาในเวลา 5 วันโดยมาตรฐานหรืออยู่ระหว่าง 2-14 วัน ผลกระทบที่ตามมาคืออาการแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หายใจลำบากเฉียบพลัน ช็อคจากการติดเชื้อและเสียชีวิต โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดคือผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจ ระบบทางเดินหายใจเรื้อรังและมะเร็ง
สำหรับวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโควิด-19 มีการวิจัยและผลิตออกมาแล้วจากหลายสถาบันทั่วโลก ทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน ประมาณว่ามีการฉีดวัคซีนให้ผู้คนไปแล้ว 70 ล้านโดส
ผู้ที่รู้ตัวว่ามีความเสี่ยงที่จะติดโควิด-19 หากมีอาการดังกล่าวขอให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อตรวจเชื้อ ขณะนี้ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยก็เริ่มเกิดการระบาดในระลอกที่สองขึ้นแล้ว ดังนั้นเรายังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใก้ลชิด และมาตรการส่วนบุคคลที่ดีทีสุดคือการปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกและมาตรการของรัฐ
เครดิตภาพ Bangkok Hospital, Kasikornbank, กรุงเทพธุรกิจ
#ที่มา โควิด-19 #Covid – 19 #สถานการณ์ Covid – 19