เมื่อสามสิบปีก่อน ผู้เขียนได้ทุนไปเรียนในหลักสูตรทางด้านโครงข่ายคอมพิวเตอร์ที่นครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน โดยเป็นทุนสนับสนุนจากสหประชาชาติ
เมื่อไปถึงปักกิ่งประมาณหนึ่งทุ่มตามเวลาท้องถิ่น ตอนนั้นสนามบินที่ปักกิ่งเป็นสนามบินเก่าไม่ใช่สนามบินแห่งใหม่ที่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน หลังจากแลกเงินดอลล่าร์ทีสนามบินเป็นเงินหยวนสำหรับนักท่องเที่ยวแล้วจึงเรียกรถแท็กซี่จากสนามบินไปยังที่พักที่มหาวิทยาลัยการไปรษณีย์และโทรคมนาคมปักกิ่ง ที่พักในมหาวิทยาลัยเป็นอาคารพักสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติ

หลักสูตรที่ไปเรียนที่ปักกิ่งนี้ทางสหประชาชาติให้ทุนสนับสนุนแก่ประเทศที่กำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกจึงมีเพิ่อนร่วมชั้นเรียนจากประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียแปซิฟิกจำนวนประมาณ 30 คน ผู้เขียนเป็นนักเรียนจากประเทศไทยเพียงคนเดียว ตอนแรกก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกันแต่พอเรียนร่วมกันไปนานเข้าก็ค่อยๆสนิทสนมกัน มีนักเรียนจีนสามคนคอยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในปักกิ่ง
ปักกิ่งเมื่อสมัยเกือบสามสิบปีที่แล้วต่างจากปักกิ่งทุกวันนี้มากมาย ถนนหนทางเต็มไปด้วยรถจักรยาน มีอาคารสูงๆมากแต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัยหรือหน่วยงานของรัฐบาลไม่ใช่อาคารสำนักงานทางธุรกิจ

ปักกิ่งในช่วงเวลานั้นเป็นฤดูร้อนอากาศจึงค่อนข้างร้อนไม่แพ้เมืองไทย ปักกิ่งมีการปลูกต้นไม้มากมายบางบริเวณก็ทำเป็นส่วนหย่อม เวลาเราเดินไปตามถนนจะรู้สึกถึงความร่มรื่นและเขียวขจีของต้นไม้ เวลาไปไหนต่อไหนกันผู้เขียนจะไปกับเพื่อนต่างชาติสามคน
การเดินทางในปักกิ่งส่วนใหญ่เราจะนั่งรถเมล์กับรถไฟใต้ดิน รถเมล์ในปักกิ่งในตอนนั้นแน่นมากพอๆกับรถเมล์ในกรุงเทพฯ บางคันดูเหมือนจะแน่นกว่าด้วยซ้ำ ส่วนรถไฟใต้ดินจะวิ่งรอบเมืองคงเป็นรถที่ใช้มาหลายปีดูค่อนข้างจะเก่า
วิถึชีวิตของชาวปักกิ่งในตอนนั้นดูจะยังเป็นสไตล์แบบคอมมิวนิสต์อยู่ แม้ว่าจะดูทันสมัยมากขึ้นกว่ายุคเหมา เจ๋อ ตุง เพราะชาวจีนก็เริ่มแต่งตัวแบบที่เป็นสากลกันมากแล้วโดยเฉพาะคนหนุ่มสาว คนที่พูดภาษาอังกฤษได้มีน้อยซึ่งน่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบ คนสูงอายุมักจะอาศัยอยู่ตามบ้านเป็นส่วนใหญ่ ดูลักษณะภายนอกแล้วใจดี
ช่วงเวลานั้นประเทศจีนเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นานและเริ่มต้นเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากระบบปิดมาเป็นแบบตลาดได้ประมาณ 10 ปี บ้านช่องในปักกิ่งเป็นแบบเก่ามักจะสร้างด้วยอิฐและมีชั้นเดียวซึ่งดูทึบแต่แข็งแรง แต่ก็เริ่มมีอาคารแบบสมัยใหม่เกิดขึ้นมากเหมือนกันแต่ยังเป็นสไตล์แบบสังคมนิยมอยู่
ในปักกิ่งผู้คนส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานขี่ไปตามถนนหนทาง ถนนของปักกิ่งส่วนใหญ่จะกว้างกว่าบ้านเราเนื่องจากการวางผังเมืองที่ดี มีรถยนต์ยี่ห้อแปลกๆของจีนและประเทศทางยุโรปตะวันออกเยอะเหมือนกันแต่ไม่มากเท่ารถจักรยาน
ในปักกิ่งเมื่อชาวต่างชาตินำเงินดอลล่าร์อเมริกันมาแลกเป็นเงินจีนจะไม่ได้เป็นเงินหยวนของจีนที่เรียกว่า RMB หรือเหริน หมิน บี้ ที่ใช้ได้เฉพาะภายในประเทศจีนและแลกเป็นเงินต่างชาติไม่ได้ แต่เราจะได้เป็นใบรับรองการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศแทนซี่งเรียกว่า FEC หรือ Foreign Exchange Certificate ซึ่งสามารถแลกคืนได้
หากต้องการใช้เงินที่แลกมาให้หมดในเมืองจีนมีอีกวิธีหนึ่งคือเอาเงินดอลล่าร์ไปแลกเป็น เงินหยวน RMB โดยตรง โดยไปแลกในร้านแลกเงินเถื่อนในปักกิ่งซึ่งจะและได้มูลค่าเป็นเงินหยวนสูงกว่า FEC กรณีนี้ก็ต้องให้เพื่อนคนจีนพาไปเพราะต้องหลบซ่อนพอสมควร
ในตอนนั้นจตุรัสเทียนอันเหมินในปักกิ่ง เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์ประท้วงที่รัฐบาลสั่งปราบปรามประชาชนมีผู้เสียชีวิตนับแสนคนมาได้เพียง 2 ปี สภาพบ้านเมืองและผู้คนดูจะสงบเรียบร้อยดีแต่ดูเหมือนลึกๆในใจคนจีนยังรู้สึกมีบาดแผลจากเหตุการณ์นี้อยู่ จตุรัสเทียนอันเหมินเป็นศูนย์กลางของประเทศจีนในการทำกิจกรรมใหญ่ๆระดับชาติ จตุรัสเทียนอันเหมินนั้นกว้างขวางมากถือว่าเป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หอฟ้าเทียนถานเป็นสถานที่ที่สำคัญในปักกิ่งที่องค์จักรพรรดิ์ใช้ประกอบพิธีการบวงสรวงต่อฟ้า แต่ปัจจุบันทางการจีนเปิดให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับคนทั่วไป สถานที่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้
นครต้องห้ามหรือกู้กงคือพระราชวังของจักรพรรดิ์ในปักกิ่งนั่นเอง จักรพรรดิ์จีนในสมัยโบราณจะประทับอยู่ในนี้ร่วมกับ นางสนม ข้าหลวงและขันทีหลายพันคน ภายในมีพระตำหนัก ห้องลับและสวนหย่อมเป็นจำนวนมาก เริ่มต้นสร้างเมื่อประมาณ 600 ปีที่แล้ว เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นกัน

กำแพงเมืองจีนหรือกำแพงหมื่นลี้ เริ่มสร้างเมื่อประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว และจักรพรรดิ์หลายองค์ก็สร้างขยายมาเรื่อยๆ จนมีความยาวกว่า 20,000 กิโลเมตร มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรูทางตอนเหนือคือชาวฮั่น ตลอดกำแพงมีป้อมปราการจำนวนมาก การเดินเที่ยวไปยังป้อมต่างๆจะเหนื่อยมากเพราะแต่ละป้อมอยู่ไกลกัน จุดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปอยู่ไม่ไกลจากปักกิ่ง
พระราชวังฤดูร้อนหรืออี้เหอเหวียน เป็นสถานที่พักผ่อนในปักกิ่งขององค์จักรพรรดิ์ มีพระตำหนักอยู่บนเขา พื้นที่ส่วนใหญ่ของพระราชวังเป็นน้ำหรือทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นมาโดยแรงงานมนุษย์ชื่อทะเลสาบคุนหมิง สถานที่นี้เป็นมรดกโลกเช่นกัน
สุสานใต้ดินของราชวงศ์หมิง อยู่ไม่ไกลจากปักกิ่งมาก ประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นสุสานที่ฝังพระศพของกษัตริย์จำนวน 13 พระองค์ มีอยู่สุสานหนึ่งที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินด้วย

ถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงในปักกิ่งมี 2 แห่งคือ ถนนคนเดินเฉียนเหมิน และถนนคนเดินหวังฝูจิง ส่วนใหญ่จะไปซื้อของฝากกันและหาอาหารอร่อยๆ กินกัน เวลาไปซื้อของในห้างก็จะไปที่เฟรนชิพสโตร์ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่รัฐบาลจีนสร้างขึ้นเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและรับเงิน FEC โดยตรง เฟรนชิพสโตร์มีอยู่หลายแห่งในปักกิ่ง
เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ประเทศจีนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดประเทศและพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดด ส่วนปักกิ่งวันนี้เป็นเมืองที่เจริญก้าวหน้าและทันสมัยจนแทบจะจำไม่ได้เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเวลานั้น
เครดิตภาพ Grand Holiday, The First Ultimate, World Tour Center, WIN NEWS
#ปักกิ่งในความทรงจำ #เรื่องเล่าจากอดีต #ชีวิตในปักกิ่ง